คลังเก็บรายเดือน: มกราคม 2013

- 5เทพผู้พิทักษ์

แม้ The Avenger จะฟาดแชมป์หนังทำเงินไปตั้งแต่ไก่โห่ของปีนี้ (ไก่อะไรโห่ ?) แต่ไม่ได้หมายความว่า หนังที่เกี่ยวกับฮีโร่เป็นแพ็กเกจ จะมีความน่าสนใจอยู่เพียงเรื่องเดียว

หนำซ้ำ ภาพยนตร์เกี่ยวกับฮีโร่เป็นหมู่คณะนั้น มีมานานเป็นร้อยปีและหลายๆ เรื่องก็ได้รับความนิยมจากคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันไป ถ้าเอาสมมุติฐานนี้เข้าไปจับ งานอย่าง Rise of the Guardians ก็ถือว่ามีโอกาสอยู่ไม่น้อย หรืออย่างน้อย ถ้าต้องอยู่ภายใต้การดูแลของมิสเตอร์บีน กับ 5 ผู้พิทักษ์ที่ว่านี้ ผมก็อาจจะเลือกอย่างหลัง (ฮา)

5 ผู้พิทักษ์ตามข้อมูลที่จะมาพบกับเด็กๆ ในปลายเดือนนี้ เขาบอกแล้วว่า มีตัวละครตามนี้

1.แจ็ค ฟรอสต์

ตามชื่อของเขาแล้วย่อมเกี่ยวข้องกับน้ำแข็ง หิมะแน่นอน ประวัติของแจ็ค ฟรอสต์มีมายาวนานแล้ว เขาเป็นตัวปัญหาอายุ 300 ปีในร่างของเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่มีพลังในการสร้างเกล็ดน้ำแข็ง ลมและหิมะ เขามีความสุขที่สุดในตอนที่เขาก่อปัญหา ควบคุมฤดูหนาวด้วยการใช้ไม้เท้ากวัดแกว่ง แตะหรือสัมผัส สำหรับเขาวันที่ประสบความสำเร็จวัดได้จากจำนวนบอลหิมะที่เขาขว้าง จำนวนหน้าต่างที่มีฝ้าขึ้น และจำนวนโรงเรียนที่ประกาศหยุดหลังจากหิมะตกหนัก เขาไม่มีภาระรับผิดชอบ ไม่มีใครมาควบคุม และท้ายที่สุด เขาก็ไม่มีเป้าหมาย อย่างน้อยก็ในความคิดของเขา

ในเนื้อเรื่องของสุดยอดแอ็กชั่นแอนิเมชั่นจากดรีมเวิร์คเรื่องนี้นั้น นอกเหนือจากรู้ว่าชื่อของเขาคือแจ็ค ฟรอสต์แล้ว เขาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเขาเองเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสิ่งที่เขาต้องทำในโลกใบนี้เลยครับ ซ้ำร้าย ไม่มีใครมองเห็นเขา และเขาก็ไม่เหมือนผู้พิทักษ์คนอื่นๆ ตรงที่ไม่มีใครเชื่อในตัวเขา เขาก็เลยเป็นเหมือนหมาป่าสันโดษ

2.นอร์ธ หรือ ซานตาคลอส

ผู้สร้างความสุขให้ทุกคนด้วยของขวัญสุดพิเศษ นอร์ธ คือเทพผู้ทรงพลัง ซึ่งสถิตอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ เขามีอาณาจักรของตัวเอง พร้อมด้วย เอลฟ์ และเยติ ผู้ช่วยในการผลิตของขวัญ และแน่นอนว่า เขามีเลื่อนรถลากและกวางเรนเดียร์มาด้วย อเล็ค บัลด์วิน เป็นผู้ให้เสียงของนอร์ธ เขามองตัวละครตัวนี้ว่า นอร์ธเป็นส่วนผสมของหลากหลายบุคลิก เขาเป็นเหมือนนักมายากล คล้ายๆ พ่อมดออซครับ เขาใจดีมากๆ เหมือนครูคนโปรดของคุณ และเขาก็มองประโยชน์ของเด็กๆ เป็นที่ตั้ง ในแง่มุมที่เป็นมนุษย์ เขาหมกมุ่นกับการได้รับเครดิตสำหรับทุกอย่าง เขาอยากทำให้แน่ใจว่าทุกคนรู้ว่าซานตาคลอสเป็นคนที่จัดการทุกเรื่องตรงนี้ คริสต์มาสเป็นเทศกาลสำคัญอันดับหนึ่ง ซึ่งเขาก็เถียงกับกระต่ายอีสเตอร์เป็นประจำว่า อีสเตอร์หรือคริสต์มาสสำคัญกว่ากัน ในแง่นั้น เขาเหมือนกับโดนัลด์ ทรัมป์

3.”บันนีมันด์” หรือกระต่ายอีสเตอร์

เขาเป็นทายาทคนสุดท้ายของเผ่าพันธุ์นักบวช/นักรบกระต่ายยักษ์จากโบราณกาล ที่คุ้มครองชีวิต บันนีมันด์มีความสามารถในการเนรมิตประตูวิเศษ ที่ทำให้เขาสามารถเดินทางไปไหนก็ได้ในโลกได้ในชั่วพริบตาเพื่อส่งไข่อีสเตอร์ที่ระบายสีสวยงามไปถึงที่หมาย “กระต่ายอีสเตอร์เป็นตัวละครที่เจ๋งที่สุดเท่าที่คุณจะได้พบเลยครับ” ฮิวจ์ แจ็คแมน ผู้พากย์เสียงบันนีมันด์ในเรื่อง กล่าว “เขาเจ๋งทีเดียวครับ ลองนึกถึงอินเดียนา โจนส์ผสมกับสตีฟ เออร์วิน ดูสิ เขาอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นนักต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม และเขาก็แข็งแกร่งมาก แน่นอนว่าเขากระโดดได้สูงลิ่ว และเขาก็พกบูมเมอแรงสองอันไว้ตรงสะโพก แทนที่จะเป็นปืนพก ซึ่งเขาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันเยี่ยมมากที่พวกเขายอมให้ผมพากย์เสียงเขาเป็นชาวออสเตรเลียโมโหร้าย ที่แข็งร้าว ขี้บ่นนิดๆ และไม่แคร์เรื่องไร้สาระ เขาไม่เคยล้อเล่น เพราะเขามีหน้าที่ต้องทำและเขาก็จะทำมันให้สำเร็จลุล่วงให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”

4.”แซนด์แมน” หรือมนุษย์ทราย

เขาเป็นสถาปนิกและผู้นำฝันดีมาให้ เป็นเทพที่ปลดปล่อยจินตนาการของทุกคนและทำให้ฝันถึงความเป็นไปได้และความมหัศจรรย์ต่างๆ ในยามที่เราหลับ ความสามารถของเขา พลังแห่งความฝัน เป็นหนึ่งในความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุด ตัวละครนี้จะสื่อสารด้วยการสร้างรูปต่างๆ ด้วยทราย เขาก็จะปกป้องตัวเองและเด็กๆ จริงๆ เขาก็เป็นนักรบผู้ดุดัน เหมือนกับโยดาใน ‘Star Wars’ ที่สามารถวาดลวดลายได้ในยามจำเป็น เขาสามารถใช้ทรายในการสร้างและควบคุมวัตถุทุกอย่างตามที่เขาต้องการได้ และปกติแล้ว เขาก็มักจะชนะการต่อสู้ทุกครั้ง

5.”ทูธ แฟรี” หรือ นางฟ้าฟันน้ำนม

“ทูธ แฟรี่” หรือนางฟ้าฟันน้ำนม เทพผู้พิทักษ์ฟันน้ำนมของเด็กๆ ซึ่งจะเป็นดั่งสิ่งที่เก็บเอาความทรงจำอันล้ำค่าของเด็กๆ ทุกคนไว้ นางฟ้าฟันน้ำนม จะมีนางฟ้าตัวเล็กๆ ที่เป็นเวอร์ชั่นจิ๋วของตัวเธอเองคอยช่วย เธอเป็นเทพที่ร่าเริง สดใส เหมือนวัยเยาว์ อิสลา ฟิชเชอร์ ผู้ให้เสียงพากย์กล่าว “พวกเธอจะบินไปมารอบๆ เพื่อรวบรวมฟันและทิ้งของขวัญชิ้นเล็กๆ และเงินเอาไว้ นางฟ้าฟันน้ำนม เป็นครึ่งมนุษย์ ครึ่งนกฮัมมิงเบิร์ด ผู้สามารถรวบรวมฟันน้ำนมที่หลุดออกมาทั่วโลกได้ปีละ 365 วัน “เธอตัวเล็กนิดเดียว แต่มีปีกสีเขียวและสีน้ำเงินเทาที่งดงาและดวงตากลมโต” ฟิชเชอร์บอก

“ส่วนในเรื่องนิสัย เธอเป็นพวกกรุ๊ปเอ และออกจะเหมือนกับเทรซี ฟลิคจาก ‘Election’ หน่อยๆ ค่ะ เธอจะต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในเวลาที่กำหนด เธอเป็นเหมือนทหารทีเดียวในลักษณะที่เธอรวบรวมฟันน้ำนม แต่เธอก็มีแง่มุมที่อ่อนโยนเหมือนกัน และเธอก็ตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อเธอเห็นฟันสีขาวนวล”

CD : http://www.komchadluek.net/detail/20121109/144296/5%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87.html

- แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์ (Philosopher’s Stone)

Harry Potter and the Philosopher’s Stone

ชื่อภาษาไทย : แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์
ชื่อภาษาอังกฤษ : Harry Potter and the Philosopher’s Stone
ผู้แต่ง : J. K. Rowling
เผยแพร่ครั้งแรก : 30 มิถุนายน พ.ศ. 2540
จำนวนบท : 17 บท
จำนวนหน้า (ไทย) : 373 หน้า
ผู้แปล (ไทย) : สุมาลี บำรุงสุข
ภาพยนตร์ : แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์ (Harry Potter and the Philosopher’s Stone) / เข้าฉายเมื่อ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 / ความยาว 152 นาที
กำกับภาพยนตร์ : Chris Columbus
นักแสดงนำ : Daniel Radcliffe , Rupert Grint , Emma Watson , Tom Felton , Robbie Coltrane , Richard Harris , Alan Rickman , Maggie Smith , Ian Hart
 
แฮร์ี่รี่ พอตเตอร์ กับ ศิลาอาถรรพ์ (Harry Potter and the Philosopher’s Stone) เป็นหนังสือเล่มแรกจากเจ็ดเล่ม ของวรรณกรรมเยาวชน แฮร์รี่ พอตเตอร์ ซึ่งแต่งโดย เจ.เค โรว์ลิ่งเเฮร์รี่ พอตเตอร์ เด็กกำพร้าที่เติบโตมาในบ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต กับลุงและป้าของเขา โดยอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆใต้หลังคา จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อ แฮร์รี่ อายุครบ 11 ปี เขาก็ได้รับจดหมายให้ไปศึกษาที่ โรงเรียนพ่อมด แม่มด ฮอกวอตส์  แฮร์รี่ ได้รับรู้ความจริงว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา และทั้งพ่อและแม่ของเขาก็ไม่ได้ตายเพราะถูกรถชนอย่างที่ ป้าของเขาบอก หากแต่ถูกสังหารด้วยพ่อมดที่ชั่วร้ายที่สุดแห่งยุค ผู้ที่หลายๆคนหวาดกลัวเกินกว่าจะเอ่ยนาม เจ้าแห่งศาสตร์มืด ลอร์ด โวลเดอมอร์ แต่เขากลับรอดพ้นจากเงื้อมมือ เจ้าแห่งศาสตร์มืดมาได้ โดยมีเพียงแค่ รอยแผลเป็นรูปสายฟ้าที่หน้าผากเท่านั้น และนั่นทำให้เขาโด่งดังในฐานะ “เด็กชายผู้รอดชีวิต” ที่ฮอกวอตส์ แฮร์รี่ได้้รับการคัดสรร โดยหมวกคัดสรรให้ไปอยู่บ้านกริฟฟินดอร์ และได้พบเพื่อนใหม่อย่าง รอน วีสลีย์ และ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ นอกจากนี้ทั้ง 3 คนยังได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องราวของ ศิลาอาถรรพ์  ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ของ นิโคลัส เฟลมเมล เพื่อนของ ดัมเบิลดอร์  ที่ว่ากันว่ามันสามารถทำให้คนเป็นอมตะได้ พวกเขาพบว่าศิลาอาถรรพ์เป็นที่ต้องการของเจ้าแห่งศาสตร์มืด ลอร์ด โวลเดอมอร์ และแม้ว่าศิลาจะถูกซ่อนไว้อย่างดีที่ฮอกวอตส์แล้ว พวกเขาเชื่อว่ามีสายลับของโวลเดอมอร์ อยู่ที่ฮอกวอตส์และกำลังใกล้ที่จะได้ศิลาไป พวกเขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องศิลาเอาไว้ให้ได้..

 

CD : http://hogwartsthai.com/philosopherstone.html

- เกมล่าเกม (The Hunger Game)

จุดเริ่มต้น

          ในอารยธรรมแห่งโลกอนาคตที่เรียกว่า “พาเน็ม” การแข่งขัน Hunger Games กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง แคตนิส เอเวอร์ดีน เด็กสาววัย 16 มีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะเอาชนะเกมนี้ เธออาศัยอยู่ในเขต 12 ที่อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองหลวงที่ชื่อ “แคปิตอล” โดยทุกปีเมื่อถึงวันเก็บเกี่ยว แต่ละเขตก็ต้องสุ่มเลือกตัวแทนหญิงหนึ่งชายหนึ่ง เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันมรณะ ที่ตอกย้ำถึงอำนาจของแคปิตอล นี่คือ The Hunger Games การต่อสู้ของเด็กทั้ง 24 คนที่ถูกเรียกว่า “ทริบิ้วท์” ถูกออกอากาศทางโทรทัศน์ มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่เหลือรอดเป็นผู้ชนะ และเมื่อ แคตนิส ก้าวเข้าไปในอารีน่า ชีวิตของเธอก็ต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

         ใครก็ตามที่เคยสัมผัสเรื่องราวของ แคตนิส ก็จะรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่มีเลือดเนื้อ และเอาใจช่วยเมื่อเธอค้นพบความแข็งแกร่ง ความหวัง และหัวใจ ในขณะที่ตัวเองตกอยู่ภายใต้ความกดดันที่ไม่เคยจินตนาการถึงมาก่อน สำหรับสตูดิโอ Liongate Entertainment การผจญภัยของ แคตนิส ก็ก้าวกระโดดออกมาจากตัวหนังสือของ ซูซาน คอลลินส์ ในไตรภาคหนังสือที่ขายดีที่สุด The Hunger Games ทุกคนรู้สึกว่ามันสมควรจะถูกถ่ายทอดในรูปแบบของภาพยนตร์

         ผู้อำนวยการสร้าง นีน่า เจคอบสัน ได้ซื้อลิขสิทธิ์หนังสือ The Hunger Games ในปี 2009 ซึ่งเริ่มมีสาวกเดนตายให้การติดตาม เธอนำไปให้ผู้บริหารของ Liongate ซึ่งทุกคนก็ต่างหลงรัก แคตนิส และติดตามไปกับการผจญภัยของเธอ การพัฒนาบทเริ่มต้น แฟนหนังสือนับล้านก็เริ่มตั้งตารอว่า ทีมงานทำให้ตัวหนังสือมีชีวิตในรูปแบบไหน ทั้งเรื่องของเกมมรณะในโลกอนาคต และที่สำคัญที่สุดก็คือเด็กสาวที่มีความซับซ้อน และถูกอธิบายไว้โดยมีเลือดเนื้ออย่างเช่น แคตนิส

         สุดท้าย เจคอบสัน ก็ได้รวบรวมทีมงานขึ้นมา ซึ่งรวมถึงผู้กำกับคุณภาพอย่าง แกรี่ รอส ที่รู้สึกประทับใจกับการเดินทางของ แคตนิส การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเธอ ที่จับใจนักอ่านจากทั่วโลก แนวทางของพวกเขาก็คือการเข้าไปในสมองของ แคตนิส รวมถึงหัวใจของเธอ แบบเดียวกับที่ คอลลินส์ ทำไว้กับตัวหนังสือ หนังไม่เพียงเล่าถึงการต่อสู้ระหว่าง แคตนิส กับทริบิ้วท์คนอื่นๆ แต่ยังรวมถึงประสบการณ์เปลี่ยนชีวิตเธอ การเสียสละส่วนตัว และความรักที่เกิดขึ้นกับผู้ชายสองคน

         ความสำเร็จของหนังสือของ คอลลินส์ อยู่ที่เธอไม่กลัวที่จะพา แคตนิส เข้าไปในเขตแดนที่อันตราย เธอรู้ว่าวัยรุ่นมีปฏิกริยาที่แท้จริงเช่นไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว เธอเล่าว่า “พังแม้ว่ามันจะอยู่ในโลกอนาคต แต่ The Hunger Games ก็สำรวจประเด็นของสงครามในปัจจุบัน ว่าเราสู้เพื่อใคร และใครเป็นผู้บงการ การสร้างสมดุลในตัวของ แคตนิส และการพัฒนาเป็นคนที่มีความกล้า ในขณะเดียวกันก็ยังอันตรายที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญคือพื้นที่ว่างในการมอบความรัก และการเสียสละให้กับใครก็ตามที่เธอห่วงใย”

         เมื่อมีข่าวว่าหนังสือจะกลายเป็นหนังบล็อคบัสเตอร์ ความนิยมก็ยิ่งลุกลามเหมือนไฟป่า ก่อนที่หนังจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการพรีโปรดักชั่น มีหนังสือที่ถูกขายกว่า 8 ล้านเล่ม เมื่อพวกเขาปิดกล้องมันก็เพิ่มถึง 12 ล้านเล่ม และปัจจุบันก็เพิ่มมากสูงถึง 26 ล้านเล่ม หนังสือเล่มแรกอยู่ในอันดับหนังสือขายดีของ New York Times กว่า 180 สัปดาห์ และก็ยังอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยภาคต่ออีกสองเล่มอย่าง Catching Fire และ Mockingjay ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

         นีน่า เจคอบสัน รู้สึกประทับใจกับแรงใจของทีมงานทุกคนในการสร้างหนังเรื่องนี้ เธอเล่าว่า “ฉันรู้สึกเชื่อมต่อถึงมัน และฉันก็มั่นใจว่ามันจะออกมาเป็นหนังที่ยอดเยี่ยม นี่คือหนังที่ถูกสร้างด้วยหัวใจ ฉันได้มอบความไว้วางใจให้กับ ซูซาน ว่วิสัยทัศน์ของเธอจะได้รับการปกป้อง และมันจะเป็นการดัดแปลงที่ซื่อตรงที่สุด นี่จะไม่ใช่หนังที่มีแต่ความโหดร้ายและรุนแรง แต่เป็นหนังที่ขับเคลื่อนด้วยเรื่องราวและความรู้สึก”

         คอลลินส์ ก็รู้สึกได้ถึงแรงใจของ เจคอบสัน เธอเผยว่า “ในบรรดาผู้อำนวยการสร้างทุกคนที่ฉันได้พบ ฉันรู้สึกว่า นีน่า มีแรงใจต่อหนังสือของฉันมากที่สุด ฉันเชื่อมั่นในตัวเธอ เมื่อเธอบอกว่าตัวเองจะทำทุกอย่าง เพื่อทำให้หนังมีความซื่อตรงต่อต้นฉบับมากที่สุด ฉันก็รู้ว่ามันอยู่ในมือที่ถูกต้องแล้ว”

         กระบวนการเล่าเรื่องและถ่ายทอดตัวละครของ แคตนิส อย่างซื่อตรง เริ่มต้นด้วยการเลือกตัวผู้กำกับ ที่มีหน้าที่ทำให้เรื่องราวมีชีวิตทั้งร่างกายและหัวใจ การคัดเลือกของพวกเขาจบลงเมื่อ แกรี่ รอส เข้ามาเสนอไอเดียครั้งแรกกับ Liongate ด้วยการเตรียมสตอรี่บอร์ด รวมถึงวิดีโอคลิ๊ปที่เขาถ่ายมา ซึ่งประกอบด้วยเด็กในช่วงอายุเดียวกับ แคตนิส ที่พูดถึงแรงใจและสาเหตุที่ทำให้พวกเขาหลงรักหนังสือเล่มนี้

         อัลลี เชียร์เมอร์ หนึ่งในผู้อำนวยการสร้าง ก็พูดถึงการเลือก รอส เข้ามาเป็นผู้กำกับว่า “หลังจากที่เขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและเข้าใจหนังสืออย่างถ่องแท้ พวกเราก็เห็นด้วยว่า รอส เป็นคนที่เหมาะสมที่สุด เขาเป็นที่รู้จักจากการสร้างผลงานด้านภาพที่น่าทึ่งใน Pleasantville รวมถึงการจับเอาหัวใจของทุกคนใน Seabiscuit มันเป็นสมดุลที่เราคิดว่าสำคัญต่อหนังเรื่องนี้”

         สำหรับ เจคอบสัน แล้ว รอส ได้ผสมผสานความยิ่งใหญ่อลังการ และเรื่องราวที่ใกล้ชิดหัวใจ ที่จะผสานคนดูเข้าไปในประสบการณ์ที่ แคตนิส ต้องเผชิญ “แกรี่ ไม่ใช่แค่ผู้กำกับ แต่ยังเป็นคนที่ช่วยเขียนบท การสร้างหนังตามหนังสือถือเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ เขาเข้าใจว่า แคตนิส คือหัวใจและจิตวิญญาณของหนังเรื่องนี้ เขาช่วยกันเขียนบทกับ ซูซาน และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ เขามีแนวทางการถ่ายทำที่ชัดเจน เขาทำให้ภาพมีพลังงานการขับเคลื่อนทุกวินาที และทำให้คนดูสัมผัสประสบการณ์อย่างเต็มที่เป็นครั้งแรก”

CD :   http://movie.mthai.com/movie-profile/new-movie/109616.html